Monday, February 28, 2011

8เหตุการถ้าอยากเห็นผี

ในบรรดาลัทธิ ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับทั่วโลกมีสิ่งหนึ่งที่ถูกเล่าขานสืบเนื่อง กันมา นั่นก็คือ ปรากฏการณ์ 8" ประการ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เชื่อมระหว่างเรากับโลกแห่งวิญญาณไม่มีใครรู้ถึงความเป็น มาของหมายเลขนี้ และก็ไม่มีใครกล้าติดใจสงสัยมัน เช่นเดียวกับความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้อื่นๆ ใครก็ตามที่พยายามไขความจริงของ "8" ปรากฏการณ์นี้ ...พวกเขาเหล่านั้นมักไม่มีโอกาสกลับมาเล่ารายละเอียดให้ฟัง...

ปรากฏการณ์ที่ 1 : ผีถ้วยแก้ว
...หากบ้านของคุณมีผีมากกว่าหนึ่งตน มีอยู่ที่หนึ่งที่พวกมันจะไปอยู่รวมกัน...
แม้ว่าผีที่อยู่ในถ้วยมักมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น แต่ส่วนใหญ่มักชอบความสันโดษ แต่ผีไม่ได้สิงในถ้วย ทุกใบ หากใบไหนมีผีสิงอยู่ ระหว่างมันออกหากิน ให้คว่ำถ้วยใบนั้นบนจานรองเสีย เพื่อที่มันจะได้กลับเข้ามา ไม่ได้ วิญญาณประเภทนี้สามารถรับรู้ถึงการปรากฏตัวของคนผ่านรอยสัมผัสวย หรือบางครั้งก็ในรูปของคราบที่ถูกทิ้งไว้บนใบชา หรือคราบกาแฟ หากอยากรู้ถึงโชคชะตาให้จับคู่ถ้วยกับชามให้ถูกต้อง การที่จะได้พบพวกมัน คุณต้องพยายามสอดส่ายตอนที่ไล่มันออกจากถ้วย ผีมักจะทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงที่สิงสู่ และมักจะได้เห็นรอยแผลที่แสดงให้เห็นอยู่เสมอ

คำเตือน : ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่
ให้เก็บรักษาถ้วยและชามที่เข้าชุดอย่างน้อยหนึ่งชุดไว้ในบ้านเสมอ

ปรากฏการณ์ที่ 2 : เสียงเรียกตอนอาหารมื้อค่ำ

...อาหารเป็นของสำหรับสิ่งมีชีวิต ดังนั้นผีจึงไม่สามารถกินอาหารได้ แต่ถ้าพวกมันลืมไปว่าสถานะของพวกมันคืออะไร พวกมันก็จะต้องตายเพราะความหิวโหย... คนที่ชะตาไม่ถึงฆาตมักมีความสับสน จริงอยู่พวกมันอาจสำเหนียกว่าร่างกายดับสูญไปแล้ว แต่พวกมันก็ยังไม่สามารถรับได้ว่า ตนเองตายไปแล้วจริงๆ
หากอยากมองเห็นวิญญาณพวกนี้ ให้นำอาหารไปวางไว้บริเวณจุดที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุ หลังจากให้อาหารแล้วก็ให้เคาะหม้ออาหารด้วยช้อนส้อมหรือตะเกียบ
เสียงดังกล่าวจะทำให้วิญญาณตายโหงเหล่านั้นนึกว่าได้เวลาที่จะต้องกินอาหาร
แล้ว

คำเตือน : อย่าหยุดเคาะช้อนส้อมหรือตะเกียบจนกว่าอาหารจะหมดไปจากจาน

ปรากฏการณ์ที่ 3 : เล่นซ่อนหา

...กำลังมองหาที่ซ่อนที่ไม่มีใครหาเจออยู่ใช่ไหม ลองหลบอยู่หลังวิญญาณดูสิ…
ผีที่ยังตัดความเป็นคนไม่ขาดมักชอบสังเกตอะไรรอบตัวเสมอ แม้ว่ารายการทีวียามดึก หรือการเล่นไพ่คือ สองสิ่งที่พวกมันโปรดปราน แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่เทียบเท่ากับการเล่นซ่อนหา การเล่นเกมแบบนี้ในสวนสาธารณะตอนกลางคืน มักมีผีขี้เล่นเข้ามาร่วมสนุกอยู่เสมอ โดยพวกมันมักจะช่วยบังผู้เล่นคนใดคนหนึ่งไว้
วิญญาณพวกนี้จะบังไม่ให้คนซ่อนได้เห็นภาพเบื้องหน้า หากไม่มีแมวดำผ่านเข้ามา คุณก็จะไม่เห็นอะไรอีกต่อไป

คำเตือน : ให้สวมนาฬิกาข้อมือทุกครั้งที่เล่นเกมนี้

ปรากฏการณ์ที่ 4 : ดินฝังศพ

...การจะได้เห็นวิญญาณกับตา คุณต้องหาดินที่ฝังร่างพวกมันให้ได้เสียก่อน… ดินมักจะซึมซับเอาวิญญาณของศพที่เพิ่งตายใหม่ๆ ยิ่งดินมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งซึมซับวิญญาณมาก เท่านั้น ดินที่สกปรก หากป้ายดินดังกล่าวที่บริเวณตา จะทำให้เห็นว่าผีกำลังทำอะไรอยู่ จงอย่าทำอย่างที่ว่าบริเวณที่ผีชุมนุมกันอยู่ เพราะพวกมันจะพาคุณไปอยู่กับมัน

คำตือน : ให้อยู่ห่างจากแสงสีขาวสว่างจ้าเอาไว้

ปรากฏการณ์ที่ 5 : หว่างขา

...คือ ช่องทางจากโลกนี้สู่อีกโลกหนึ่ง... คนเราอาจจำไม่ได้แล้วว่าเราเกิดขึ้นมาในโลกนี้ได้อย่างไร แต่แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าตัวเองเองออกมาจากหว่างขาแม่ของเรา หากอยากมองเห็นโลกอีกโลกหนึ่งให้ลองก้มมองลอดหว่างขาตัวเองดู
แต่อย่ามองนาน จนคนในอีกโลกที่เราเห็นรู้ตัวเข้า เพราะคุณอาจถูกลากเข้าไปในโลกของมันเพื่อเกิดใหม่

คำเตือน : ผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องระวัง ยกเว้นเฉพาะคนท้อง

ปรากฏการณ์ที่ 6 : การเดินผ่าทางสามแพร่ง

...เคยไปที่ประตูที่ยังถูกปิดตายกันไหม ใครบางคนได้ใช้มันตลอดเวลา... เช่นเดียวกับในโลกของเรา คนในอีกภพหนึ่งก็มีสื่อที่ที่เชื่อมต่อระหว่างมิติเหมือนกัน
ประตูที่ถูกล็อคเหล่านี้คือ กล่องใส่จดหมายส่วนตัวของพวกมัน การผ่านเข้าไปจะทำให้คุณเปรียบเสมือนกับจดหมายฉบับหนึ่งที่ถูกส่งไปให้ใคร บางคนที่ต้องการ
อ่าน คุณอยู่

คำเตือน : จงหุบปากไว้ตลอดเวลา

ปรากฏการณ์ที่ 7 : เสียงโหยหวนยามค่ำคืน

...ว่ากันว่า ผีไร้บ้านคือ ผีที่โศกเศร้าที่สุด แม้ว่าจะอยากร้องไห้เพียงใด แต่ตาของมันก็แห้งขอด ในทุกค่ำคืน กลางถนนที่มืดมิด หากน้ำตาคุณไหลออกมา
พวกมันจะปรากฏตัวทำให้คุณต้องกลัวจนหัวหด… พวกวิญญาณที่ล่องลอยเหล่านี้
มักเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย พวกมันไม่มีที่จะไป และติดอยู่กับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ผีพวกนี้มักทรมานกับความเจ็บปวดที่เกิดจากการทำร้ายตัวเอง และความเศร้าที่เกิดจากความรู้สึกผิดที่ทำเช่นนั้นลงไป ผีพวกนี้มักมีความอ่อนไหว ความเศร้าเพียงน้อยนิด ก็ทำให้คิดมากไปนานแสนนาน พวกมันมักจะเตือนคนที่คิดจะฆ่าตัวตายด้วยภาพสยองขวัญที่สุดเท่าที่คุณเคย จินตนาการมา

คำเตือน : ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครก็ตามที่ยิ่งกลัวยิ่งร้องไห้

ปรากฏการณ์ที่ 8 : ชุดงานศพ

…ลองสวมชุดคนตาย ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาตายดูซิ แล้วลองกลั้นลมหายใจดู การเดินทางสู่ปรโลกจักเริ่มต้น … หากอยากรู้ว่าภพหน้าเป็นอย่างไร ก็ลองจัดงานศพปลอมๆ ให้ตัวเองด้วยการขอยืมโลงศพจากคนตายที่รอฌาปนกิจมาลองนอนดู
จงอย่าลืมนำเหรียญติดตัวไปด้วยหลายๆ เหรียญ เพราะการลองทำเช่นนั้นคุณจะต้องจ่ายด้วยอะไรบางอย่าง

คำเตือน : อย่าใช้เงินจนเกินเครดิตล่ะ นักแสดง

มหาลัยสยองที่นครปฐม

สวัสดีคับคุณ ผู้อ่านทุกท่าน เริ่มเลยนะคับ เรื่องมีอยู่ว่าตอนนั้นผมอยู่ปี 1 ที่มหาลัยฯของรัฐฯแห่งหนึ่งแถวจ.นครปฐม ที่มหาลัยฯนี้หอพักในมหาลัยฯจะแบ่งเป็นสองแบบ แบบแรกเป็นหอปกติ มี 10 หอ แบบที่สองเป็นคอนโดฯมี 3 หลัง ไว้ให้อาจารย์หรือนักศึกษาที่มีฐานะเข้าพักได้ ผมพักคอนโดกับเพื่อน 3 คนรวมผมด้วย วันนั้นเป็นวันรับน้องตอนเช้าเราย้ายของเข้าคอนโดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลางวันมีกิจกรรมตามปกติ ประมาณ 1 ทุ่มก็มีการเข้าซุ้มทำกิจกรรมตามซุ้มแต่ละคณะ เราเข้าซุ้มกันจนถึงเที่ยงคืน พี่ก็ให้เราพักกัน พี่กลุ่มคนนึงก็นึกสนุกเล่าเรื่องผีที่มีนศ.เคยพบเห็นในมหาลัยฯนี้ให้พวกเรา ฟังกัน พี่เค้าเล่าว่าที่นี่ผีดุมาก เนื่องจากเมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นชุมชนใหญ่ แล้วเกิดโรคระบาดขึ้น ทำให้คนตายเป็นจำนวนมาก พี่เค้ายังเล่าเสริมอีกว่าทุกก้าวที่เราเดินมีศพคนตายอย่างน้อย 1 ศพอยู่ด้านล่าง ต่อมาพี่เค้าก็เริ่มเล่าเรื่องว่า เกริ่นนิดนึงที่ในมหาลัยฯนี้จะมีสวนสมุนไพรอยู่ด้านในของมหาลัยฯ นศ.ที่นี่เรียกกันติดปากว่า "สวนหมุน"และจะมีนศ.จำนวนมากที่ชอบปั่นจักรยานเล่นกันรอบสวนนี้ เรื่องนี้เกิดที่สวนแห่งนี้นั่นเอง พี่เล่าว่า มีนศ. ญ คู่หนึ่งปั่นจักรยานเล่นแล้วเกิดความคิดอยากเข้าไปชมบรรยากาศข้างในสวน ตอนกลางคืนเลยขับเข้าไป ที่สวนนี้จะมีศาลาริมน้ำอยู่ 1 หลัง นศ.คู่นี้ก็ปั่นจักรยานเข้าไปจนถึงศาลานี้ นศ.คนที่นั่งซ้อนท้ายเธอก็ ดึงเสื้อเพื่อนแล้วบอกว่า"รีบขับออกไปเถอะ รีบขับออกไปให้เร็วที่สุด" เพื่อนคนที่นั่งปั่นก็สงสัย เพราะว่าเธอตัวสั่นมากแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรนึกว่าเพื่อนอยากเข้าห้องน้ำ จึงปั่นออกไปจากสวนจนถึงโรงอาหาร พอลงจากรถเธอสังเกตเห็นเพื่อนร้องไห้และหน้าซีดมาก จึงตกใจถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เพื่อนคนที่นั่งซ้อนก็ตอบเสียงสั่นๆว่า"เธอเห็นเสาต้นกลางที่ศาลานั่นมั๊ย" เพื่อนที่ขับจึงบอกว่า"ที่ศาลานั่นมีเสา 4 ต้นไม่ใช่หรอ" เพื่อนที่นั่งซ้อนก็บอกว่า"ตอนแรกเรานึกว่ามันเป็นเสา ยังแปลกใจอยู่เลยว่าเสาอะไรแปลกจัง ครึ่งบนสีดำ ครึ่งล่างสีขาว!!!" พอพูดจบเพื่อนคนที่ซ้อนก็ร้องไห้ แล้วบอกว่า"พอเรามองจ้องไปมันไม่ใช่เสา มันเป็นผู้หญิง!!! ตัวสูงมาก ที่เห็นครึ่งบนสีดำน่ะเป็นผม และครึ่งล่างน่ะเป็นชุดสีขาวยาวลงมาถึงเท้าแต่ไม่เห็นเท้า พอเรามองไปเค้าก็เงยหน้าช้าๆขึ้นมาเห็นแต่ตา" พูดจบเธอก็ร้องไห้โฮ เพื่อนที่ขับจักรยานเข่าอ่อนทรุดลงนั่งกับพื้น นั่นคือ เรื่องแรกที่เกิดขึ้น เรื่องที่สองนี่ทำเอาผมขนลุกไปเลยเพราะมันก็เกิดกับผมด้วย เรื่องมีอยู่ว่า ที่คอนโดมีเรื่องเล่าว่า มีนศ. หญิงคนนึง ถูกแฟนข่มขืน เท่านั้นยังไม่พอยังเรียกเพื่อนให้มาข่มขืนด้วย พร้อมกับถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์ นศ.หญิงคนนี้ทนไม่ไหวเพราะตั้งแต่นั้นมามักจะถูกนศ.ชายกลุ่มนั้นเรียกไปข่ม ขืนอีกเรื่อยๆวันนึงเธอก็ตัดสินใจโดดคอนโดตาย ณ ห้องนั้นนั่นเอง พอผมฟังแล้วก็เกิดกลัวอย่างบอกไม่ถูก วันนั้นเรามีกิจกรรมไปจนถึงเช้า แล้วมหาลัยฯก็เปิดเรียนไม่มีไรเกิดขึ้นจนวันนึงที่เพื่อนๆ ผมซึ่งอยู่ต่างคณะกันเค้ามีเรียนแต่ผมไม่มีเรียนทั้งวัน ผมจึงนอนอยู่คนเดียวในห้อง ตื่นมาตอนเที่ยงเล่นคอมฯและตอนเย็นก็ลงไปซื้อข้าวกิน เพื่อนคนนึงก็โทรมาบอกว่าวันนี้จะไม่กลับคอนโดเพราะเค้ามีเรื่องด่วนที่บ้าน ส่วนอีกคนวันนี้ขอไปนอนห้องเพื่อนเพื่อทำรายงาน ผมก็เลยอยู่คนเดียว สงสัยวันนี้จะเป็นวันดวงตกของผม เนื่องจากตอนกลางวันผมแอบงีบไป 2 - 3 ชั่วโมงทำให้ตอนดึกผมไม่ง่วงจึงออกมายืนตากลมที่ระเบียง ตอนนั้นเวลาประมาณเกือบตีหนึ่งได้ ผมมองสิ่งต่างๆรอบมหาลัยฯในความมืด อยู่ดีๆ ผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาก แล้วก็มีสิ่งหนึ่งตกลงมาผ่านหน้าผมไป!!! ผมมองตามลงไปมันเป็นร่างของคนๆนึง ลอยละลิ่วลงไปกระแทกกับพื้นดังตุ๊บ!!! ผมออกจากห้องวิ่งไปดูข้างล่าง แต่ลงไปถึงกลับพบว่าที่พื้นไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากความว่างเปล่า ยามที่นั่นเห็นผมวิ่งกระหืดหระหอบมาแล้วมามองที่พื้นเค้าเลยเรียกผม แล้วถามว่า "ไงน้องหาอะไรอยู่หรอ?" ผมถามไปว่า "พี่เห็นคนโดดลงมามั่งมั๊ย? ตรงนี้เลย" พี่ยามเค้าก็บอกว่า "พี่เห็นมาเป็นสิบครั้งแล้วน้อง" ผมเลยแปลกใจถามว่าทำไม ยามเค้าบอกว่าทุกๆปีวันนี้จะเป็นครบรอบที่นศ.คนนึงโดดตึกตาย จะมีคนเห็นทุกปี บางครั้งเธอกระโดดลงมากระแทกพื้นแล้วก็หายไป บางครั้งพอกระแทกพื้นแล้วยังลุกขึ้นมาแถมปีนตึกขึ้นไปโดดอีกครั้งด้วยซ้ำ นี่น้องยังดีนะที่เจอแค่นี้ ผมบอกว่าผมเจอแค่นี้ก็จะช็อคแล้วคับ พอตอนเช้าผมก็เลยไปทำบุญให้เธอ เรื่องนี้ผมไม่เล่าให้ใครฟังเลยคับ กลัวพวกเค้ากลัวกัน ตอนนี้ถ้าไม่จำเป็นปมจะไม่ออกไปที่ระเบียงด้านนอกอีกเลย กลัวจิงๆคับ

โค้ง100ศพ

ผมขอถามก่อนเลย นะครับว่า พี่ๆ เมื่อประมาณ ปี 2540 กระผมได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ซึ่งเรามีกำหนดการณ์ไปตอนประมาณ 3 ทุ่ม เมื่อถึงเวลาก็เดินทาง ออกจากกรุงเทพเข้า จังหวัดระยองก็ประมาณ ตีหนึ่งแล้ว พวกเราไปกันประมาณ 5 คน นั่งรถเก๊งไป เพื่อนของผมชื่อ เอ เป็นคนขับ และมีผมและเพื่อนอีกคนนั่งไป ส่วนคนอื่นหลับหมด เมื่อถึงช่วงทางโค้งเอก็จอดรถลงไปทำกิจส่วนตัวเมื่อ เอ ขึ้นรถขับไปได้ประมาณ 2 กม. เอ ก็เห็นผู้หญิงยืนอยู่แต่ไม่คิดอะไร จึงขับเมื่อขับมาอีก 2 กม. ก็เห็นผู้หญิงอีก เราก็รู้สึกเอะใจ พวกเราก็มองผู้หญิงมองไปมองมาเราเห็นขาของเธอลอยเหนือพื้นพวกเราตกใจมาก เอ เหยีดรถออกด้วยความเร็ว ประมาณ 160 ได้ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิด เราเห็นผู้หญิงคนนี้เดินตามรถมา ทั้งๆ ที่รถเหยีด ประมาณ 160 ยังตามทัน เอ เหยีดเต็มที่ เมื่อมาถึงทางโค้งเราต้องชรอเพราะข้างหน้าเป็นโค้งอันตราย เมื่อมาถึงทางโค้งผู้หญิงตนนั้นตามทัน เราเห็นหน้าเธอ หน้าเขียวมากไม่มีลูกตา เราช็อกมาก เมื่อพ้นโค้งเอเหยีดคันเร่งเต็มที่ เมื่อมาเกือบถึงตัวเมือง ผู้หญิงตนนั้นก็ค่อยๆ หายไป เมื่อมาถึงเราก็รอจนถึงเช้า พวกเราขับรถกลับ กรุงเทพ ทันที เมื่อมาถึงตอนกลับตรงโค้งที่เจอเราเห็นคนเดินอยู่ จึงถามว่า ที่นี่มีอะไรเหรอครับ เมื่อคืนผมเจอผีหลอก เขาบอกว่า เมื่ออาทิตย์ก่อนมีผู้หญิงขับรถแล้วชนที่โค้งนี้ พวกเราตกใจมาก จึงกลับ กทม ทันที

ผีทวงสัญญา

เหตุการณ์สยอง ขวัญเกิดขึ้นเมื่อตอนฉันเป็นนักศึกษาแล้วได้มีโอกาสไปฝึกงานที่หนังสือพิมพ์ ยักษ์ใหญ่ โดยฉันอยู่ข่าวฝ่ายอาชญากรรมซึ่งเป็นธรรมดาที่ต้องพบศพคนตาย ไม่ว่าจะเป็นศพฆ่ากันตาย รถชน วิสามัญ จมน้ำ ฆ่าตัวตาย โอ้ยสารพัด วันๆก็มีแต่ศพ จนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ดังนั้นฉันจึงไม่เชื่อเรื่องผีสางซักเท่าไหร่ แต่แล้วฉันก็พบกับเรื่องไม่คาดฝัน ในคืนวันหนึ่งฉันนอนไม่ค่อยหลับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรพอจะเคลิ้มๆหลับก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง เคาะอยู่นานมาก จนฉันทนไม่ไหวจะลุกขึ้นไปเปิดประตูก็ทำไม่ได้ร่างกายฉันกระดุกกระดิกไม่ได้ เลย แม้แต่จะลืมตา อ้าปากร้องเรียกใครก็ไม่ได้ ในตอนนั้นนึกถึงบทสวดมนต์ พยามท่องอยู่ใจหลายครั้งหลายรอบมากแต่ก็ทำไม่ได้ ท่องได้แค่ว่า นะโมตะสะ ภะ+++ต แล้วมันก็วนกลับมาท่องประโยคเดิมได้เท่านี้ พอสักพักฉันก็รู้สึกเหมือนมีคนมาลากขาฉันไปที่กองหนังสือ ฉันก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะท่องบทสวดมนต์แต่มันก็เป็นเหมือนเดิมท่องไม่ ได้ท่องไม่จบ ซักพักก็ได้ยินเสียงพูดแบบหวล ๆ ว่า ลืมสัญญา ลืมสัญญา ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าฉันไปสัญญาอะไรไว้ แต่ก็รู้แล้วว่ามันคงไม่ดีแน่ ก็เลยตั้งจิตอธิฐานว่า ตอนเช้าจะทำบุญ กรวดน้ำไปให้ เท่านั้นแหละฉันค่อยกระดิกตัวได้ พอลืมตาขึ้นฉันก็มานั่งนึกว่าฉันไปสัญญาอะไรไว้ที่ไหนได้ คงเป็นศพน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกรถทัวร์ทับกระโหลกแตกตายคาที่ อายุเด็กคนนี้ไร่เรี่ยกับหลานสาวเห็นแล้วสงสารก็เลยพูดในใจว่าจะทำบุญไปให้ สงสัยน้องเขาจะมาทวง หากเป็นฝันก็เป็นฝันที่เหมือนจริงมาก เช้าขึ้นมาก็เลยทำบุญกรวดน้ำไปให้จากนั้นก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้อีกเลย

ผู้หญิงชุดขาวในหอพัก

เรื่องนี้เกิดขึ้นมาด้าย4-5ปีมาแล้ว ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม เคยมีรุ่นพี่เล่าหั้ยฟังว่าใน3หอนักเรียนประจำในที่แห่งนี้มีคนตายเปนจำนวน มากเนื่องจากชื่อถนนยังชื่อว่า "ถนนยิงเป้าใต้" ตอนแรกก็ไม่ค่อยเชื่อนักเพราะคิดว่าเปนกุสโลบายเอาไว้หลอกรุ่นน้อง จนกระทั่งวันหนึ่งในวันนั้นฉันได้ไปซ้อมรำและซ้อมเต้นจนกลับเข้าหอดึก มากรอบๆทางเข้าก็มีแต่ต้นไม้และแสงไฟก้สลัวๆวันนั้นฉันก็เดินขึ้นหอกับรุ่น พี่กลุ่มนึงไปแต่ว่าห้องนอนของรุ่นพี่ส่วนใหญ่จะอยุ่ชั้น2กับชั้น3ส่วนเรา อยู่ชั้น4คนเดียว ระหว่างที่เรากำลังเข้าห้องอยุ่นั้นก็ได้เหนผู้หญิงคนหนึ่งใชดสีขาวนั่งอยู่ หน้าห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องนอนเราตอนแรกเราเดินเปิดประตูกำลังจะ ก้าวขาเข้าห้องแล้วเราก็คิดว่าน่าจะเป้นนักเรียนประจำคนใหม่ที่ย้ายมาจึงหัน กลับไปจะถามเค้า เค้าเอาแต่นั่งเงียบๆกอดเข่าผมยาวลงมายันเอวผิวขาวๆรู้สึกเหมือนเขากำลัง นั่งร้องไห้ด้วยมั้ง เราดันทำรองเท้าข้างนึงตกลงพื้นเราจึงก้มลงเก็บพอเงยมาอีกทีเราก็ไม่เหนคน นั้นแล้ว เราจึงรีบวิ่งเข้าห้องจนเพื่อนๆในห้องตื่นกันหมด ตอนนั้นเลยรุ้ว่าเจอดีเข้าให้ เขาว่ากันว่าเด้กหอเราถ้าเกิดว่าออกจากห้องตอนดึกๆจะเจออาจารย์หอที่ตายไป นานมากแล้วมาโผล่ใหเจออยู่บ่อยๆ ใครที่ทำอะไรผิดหรือลบหลู่ไว้เค้าจะมาให้เจอ บางคนถึงขั้นจับไข้กันไปเลยจ้า

คืนเปลี่ยว ป่าช้าร้าง

บ้านดิฉันอยู่ในซอยเสนาฯ ถึงวังหินแล้วเลี้ยวขวาไปถึงก่อนแยกเสือใหญ่ พ่อแม่อยู่ที่นั่นมา 20 กว่าปีแล้ว เมื่อเด็กๆ เคยพาดิฉันกับพี่ชายไปเที่ยวแดนเนรมิตบ่อยๆ เพราะอยู่ใกล้บ้านมาก เด็กๆ มักชอบถ้ำผีสิงกันค่ะ ไม่เคยนึกเลยว่าจะมาเจอของจริงตอนโต

เมื่อเดือนก่อน พวกเพื่อนๆ ร่วมงานในมหาวิทยาลัยเอกชน ชวนไปเที่ยวพัทยาเพราะมีวันหยุดยาว พอดีกับพ่อแม่ก็ชวนไปเที่ยวภาคเหนือกับเพื่อนๆ แต่ดิฉันปฏิเสธหมด อยากพักผ่อนร่างกายและจิตใจอยู่กับบ้านมากกว่า

คืนแรกนั่นเอง ขณะนอนดูทีวีบนโซฟาสบายๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดิฉันอยู่บ้านนี้มาแต่เกิดก็จริง แต่ยังไม่เคยนอนคนเดียวในบ้านสักคืน!

คืนนี้เป็นคืนแรกในชีวิต!!

จู่ๆ ไฟฟ้าก็ดับวูบลง มืดสนิท ดิฉันร้องอุทานอย่างลืมตัว นึกถึงฝนฟ้าที่ดังคะนองมาแต่ตอนเย็น แต่ไม่ทันเฉลียวใจ พยายามนึกถึงเทียนไขกับไม้ขีดที่คุณแม่เตรียมไว้ว่ามันอยู่ที่ลิ้นชักตู้ เก็บของ หรือจะอยู่ข้างเครื่องเล่นดีวีดี ใต้โต๊ะวางทีวี?

ทันใดนั้น แสงไฟก็สว่างพรึ่บขึ้นตามเดิม! ถอนใจอย่างโล่งอก ตอนนั้นไม่กลัวอะไรเลยค่ะ ก็อยู่มานานเต็มที บ้านเรือนติดๆ กันทั้งนั้น ประตูรั้วก็แข็งแรง ประตูบ้านแน่นหนา หน้าต่างมีเหล็กดัดทุกบาน หัวขโมยอย่าหวังจะไขด้านนอกเข้าบ้านเราได้สะดวกๆ ถ้าเกิดไฟไหม้แต่คนสติดีๆ ก็สามารถเปิดออกไปได้

เสียงหน้าต่างกระแทกปังๆ เล่นเอาสะดุ้งเฮือก ครั้นหันมองก็เห็นเปิดกว้างเป็นปกติ แต่มีเสียงเดิมดังขึ้นอีก ...คราวนี้แน่ใจแล้วว่าเสียงนั้นดังมาจากชั้นบนที่ไม่มีใครอยู่!

เอ๊ะ! ชักยังไง? เงยหน้าขึ้นมอง...แสงสว่างก็ยังมี แต่คราวนี้ทีวีดังลั่นจนเผ่นพรวดขึ้นนั่ง มองหารีโมตก็วางอยู่ใกล้ๆ เราอาจโดนปุ่มวอลุ่มโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

กำลังจะเอนลงนอนให้สบายๆ ดูหนังจากเคเบิล... อ้าว? เสียงทีวีกลับเบาวูบลงเฉยๆ แทบไม่ได้ยิน...แต่นั่นกลับทำให้เสียงอย่างอื่นดังชัดเจนยิ่งขึ้นจนใจหาย วาบ...นั่นคือเสียงประตูปิดเปิด ไม่ถึงกับรุนแรงนัก แต่ก็ดังมาเข้าหูชัดเจน

เสียงคนเดิน...เอาละซี!!

นอกจากเสียงลมครวญครางอยู่ภายนอกแล้ว สรรพสิ่งเงียบกริบจนน่าใจหาย รถราก็แทบจะไม่ดังแว่วมาเลย แต่เสียงคนเดินจนกระดานลั่นเอี๊ยดอ๊าดดังอยู่ข้างบนแน่ๆ จนต้องแหงนหน้ามองตามไป...ทางโน้นทีทางนี้ที

นั่นที่ห้องพ่อแม่ นั่นห้องเราเอง! ตอนนี้ออกมาหน้าห้องแล้ว กระดานลั่นเอี๊ยดๆ ตรงมาทางบันได ราวกับจะลงมาหาเรา...

หัวใจเต้นโครมๆ ราวกับมีกลองรัว อ้าปากค้าง ตาเบิกโพลงจ้องมองที่บันได...แต่ก็ไม่มีเสียงบันไดลั่น นอกจากเสียงถอนใจยืดยาว...หรือว่าจะเป็นลมพัดเข้ามา แต่เราอุปาทาน หวาดกลัวไปเองเพราะเป็นคืนแรกที่นอนอยู่บ้านเพียงคนเดียว

แล้วบ้านนี้มีอะไรล่ะ? ตั้งแต่ปลูกมายังไม่มีใครตายซักคนนี่นา! หรือว่า...

ดิฉันขนลุกเกรียวทั้งตัวเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชาวบ้านลือกันว่า บริเวณนี้เคยเป็นป่าช้าเก่า...ป่าช้าแขกที่ผีดุมาก มีอาถรรพณ์น่าขนหัวลุกหลายๆ อย่างเช่น คนโดนผีหลอกจนจับไข้หัวโกร๋นมาแล้ว บางคนล้มเจ็บปางตายก็มี

ต่อมา บ้านเรือนหนาแน่นขึ้น ร้านค้าและรถเข็นแผงลอยผุดสะพรั่ง เรื่องผีจึงค่อยซาไป แต่น่าสังเกตว่าร้านขายอาหารขนาดใหญ่จะขาดทุนย่อยยับ เชื่อกันว่าปลูกทับกลางป่าช้าพอดี อย่างที่เราถือกันว่าห้ามปลูกเรือนคร่อมตอนั่นแหละค่ะ

ราวสิบปีก่อนมีร้านสุกี้ใหญ่โตมาตั้งที่นั่น ไม่นานก็ต้องปิดเพราะขาดลูกค้า เจ้าของเดิมให้เช่าทำร้านเนื้อย่างเกาหลี รายนี้อยู่ได้ปีเศษก็ยอมแพ้ ต้องเลิกกิจการไปจนได้

ทำไมที่บ้านดิฉันไม่เคยพบเหตุการณ์สยองขวัญต่างๆ มาก่อนเลยก็สุดรู้ค่ะ

ตอนที่นั่งอกสั่นขวัญแขวนอยู่คนเดียว ดิฉันแทบร้องไห้ นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือพ่อแม่จะได้ไม่ต้องมานั่งขวัญหนีดีฝ่อคนเดียวแบบนี้

ในที่สุด ตัดสินใจสวดมนต์ไหว้พระ ไม่กล้าขึ้นไปนอนชั้นบน โดยอาศัยหลบภัยอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีนี่แหละ มีอะไรจวนตัวจะได้เผ่นออกจากบ้านทันทีเลย

รุ่งเช้าแข็งใจขึ้นไปสำรวจชั้นบนก็พบว่าทุกอย่างปกติ ไม่มีร่องรอยว่าจะมีโจรผู้ร้ายขึ้นบ้าน...แต่ดิฉันเก็บเสื้อผ้าใส่กุญแจบ้าน และรั้ว รีบบึ่งไปอาศัยบ้านเพื่อนนอนก่อนพ่อแม่จะกลับบ้าน...ไม่อยากหัวใจวายตายค่ะ

ตายแล้วยังห่วง

เราเป็นนักศึกษารามคำแหง...ตอนนี้อยู่ปี 2 แล้วแหละเมื่อตอนปี 1 เราได้ไปเรียนที่ ราม2เขตบางนา เรามีเพื่อนอยู่ประมาณ 5-6คนเองเพราะเป็นเด้กต่างจังหวัด และมีเพื่อนสนิทอีกคนที่มาจากอุบลด้วยกัน เป็นลุกของเพื่อน พ่อเราเอง เราก็ทำกิจกรรมของทางมหาลัยกับเพื่อนๆกลุ่มที่มาจากต่างจังหวัดด้วยกันนี่ แหละ ทั้งเรียนทั้งทำงานนอกเวลาด้วย
เรามาพักที่ราม2 เพราะราม1อ่ะ แออัด ส่วนเพื่อนคนที่สนิทก็พักที่ราม 1 เพราะชอบเดินตลาดเดินเที่ยว พวกเรา 6 คนทำงานที่เซเว่น ทุกคน โดยทำกันคนละร้านและนัดวันหยุดกัน แต่พอหลังๆเริ่มนัดวันหยุดตรงกันไม่ค่อยได้เพราะต่างคนต่างมีแฟน จนมาอยู่วันหนึ่ง อาจารย์สั่งงานให้ไปทำ ไอ้เราก็งานเยอะทำไม่ทัน เลยโทรไปวานให้เพื่อนช่วยทำให้หน่อย
"ฮัลโหล!!!! ฟางเหรอ เออ ช่วยทำงาน....ให้หน่อยสิค้างอยู่นิดหน่อยอ่ะ"
"เอ้อ...ได้ๆๆส่งวันไหนอ่ะ เดี๋ยวรีบทำให้"
"ก็ส่งมะรืนนี้อ่ะ ทันเป่า พอดีคอมที่ห้องพัง โทดทีน๊า วานหน่อย"
มันรับทำงานให้!!! และงานก็เสร็จ สมบูรณ์ ส่งอาจารยืแล้วอาจารยืก็เรียกเราไปแก้งานนิดๆหน่อยๆ โอเคเป็นอันเข้าใจว่าเพื่อนทำงานให้จนเสร็จ
"เช้าวันต่อมาเราก็โทรไปขอบคุณเพื่อน...."
เคแระ งานเสร็จ พอดีเย็นวันนั้น ไอ้ก้อยโทรมาบอกว่าจะไปนอนห้องไอ้ฟาง แต่จะแวะมาหาเราก่อนเพราะมันบอกว่าให้มาเย็นๆ ช่วงเช้ากะบ่ายมันจะไปธุระ แล้วไอ้ก้อยกับไอ้กิ่ง 2 ฝาแฝดก็มาเล่นกับเราจน 6 โมงเย็น ก็ไปนอนห้องฟางที่ราม1
"เฮ้ย!!! ถึงห้องแล้วนะเว้ย ไอ้ฟางทำกับข้าวไว้รอ มากินด้วยกันไหม"
"เออ ถึงก็ดีแล้ว เอาเลยตามสบายกรุสเล่นเกมสืทั้งคืนล่ะคืนนี้"
พอพูดจบ ก็ไปเล่นเกมส์กับแฟน (โปร 4ทุ่มถึง7โมงเช้า 50บาท) คืนนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงเช้า พ่อโทรมาหาเรา
"ว่าไงลุก...ไม่กลับมาที่บ้านเหรอ งานเยอะเหรอ??"
"เอ้า!! ก็บอกพ่อแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะกลับปีใหม่ไง มีไรหรือเป่าพ่อ"
"เอ้า พ่อจะถามว่าไม่กลับมางานศพ (ฟาง)เหรอ ถ้างานยุ่งก้ไม่เป็นไร"
"งานศพใครนะพ่อ??"
"ก้ไอ้ฟางไง...ตายตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วละ พ่อเค้าก็ไปรับศพลงมาที่อุบลอยู่นิไง พ่อก็นึกว่าลุกรู้แล้ว ไม่เห็นต้องตกใจเลย"
เพียงแค่นั้นแหละ คำถามที่เกิดขึ้นในใจ เพราะเมื่อ 2 วันก่อน มันรับโทรศัพทืและทำงานให้จนเสร็จ ส่งให้อาจารยือีกด้วย
ใครรับโทรศัพท์??? ใครทำงานให้??? โทรคุยกับใคร???
และเพื่อนมันไปนอนกับใคร???

คิดแล้วหลอนมาถึงทุกวันนี้ เพราะเบอมันยังโทรเข้ามาหาเพื่อน จนต้องเปลี่ยนเบอร์กันถ้วนหน้า (และที่สำคัญ พ่อเค้ายังไม่เผา เพราะไม่ได้ตายโหง แต่ป่วยตาย และโทรศัพทืก็ยังอยู่ในโรง เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

ผีหลังหอ

เรื่องนี้กะมีเพื่อนเล่าให้ฟังตอนที่มันอยู่กะแม่ที่ อยู่เวร พอดีแม่มันเป็นครู ตอนนั้นประมาณ2ทุ่มเศษ มันออกไปเล่นกะเด็กหอตรงหลังหอ เป็นแค่ทางเดินแคบๆปูด้วยอิฐเป็นทางไป แล้วมันเล่นกันยังไงถังนำ้จากชั้น3หล่นโครมลงมาเลย ตอนแรกมันก็คิดว่าลมพัดแรงไป มันก็เลยเล่นกันต่อ แต่เล่นได้ซักพักนึงมันก็พากันเล่นไม้ขีด เด็กหอเป็นคนจุด มันเป็นคนเผา มันเผาตุ๊กตาอะไรมะรู้ พอดีครูเวรอีกคนเดินมาเห็นก็เลยเตือนว่าอย่ามาเล่นแถวนี้ ตอนเย็นๆมันน่ากัว อิพวกนั้นกะเลยไปแอบอยู่หลังต้นตีนเป็ดต้นใหญ่ ทีนี้มันหลบไปพอครูเดินไปพวกมันจะออกมา เด็กหอ2-3คนสะกิดมัน พอมันหันไปทางเด็กหอ มันเห็นเด็กชุดขาวอยู่มันวิ่งหนีขึ้นหอแม่งนอนจับไข้ไปสามวันเลย แต่ช่วยตอบหน่อยว่าผีจริงอะป่าว ฟังมาแค่นี้ ม่ายแน่จัย

...ทารกผี!!! เฮี้ยนจัด ร้องวอนช่วยขุดศพ...

แม่ค้าเจอเรื่องขนหัวลุกขณะเดินกลับที่พักกลางดึก ได้ยินเสียง คนเคาะกระจก ตู้โทรศัพท์

และยังมีเสียงคล้ายเด็กร้องขอความช่วยเหลือดังตามมา หันไปมองกลับไม่เห็นคน โกยอ้าวแบบไม่คิดชีวิต รุ่ง เช้าเพื่อนบ้านมาเล่าให้ฟังเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน เชื่อว่าน่าจะมีศพเด็กถูกนำมาฝังไว้ เข้าไปตรวจสอบในป่าข้างทาง พบศพทารกถูกนำมาฝังไว้ใต้ต้นไม้ จึงแจ้งตำรวจทราบ คาดเป็นลูกของแรงงานชาวกัมพูชา หลังเกิดเหตุหายตัวไป

เรื่อง ราวชวนขนหัวลุกรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. ร.ต.อ.สุชาติ จันทสิงห์ ร้อยเวร สภ. เมืองนนทบุรี สาขารัตนาธิเบศร์

ได้ รับแจ้งมีผู้พบศพเด็กทารกถูกฝังไว้ในป่าหญ้าภายในซอยรัตนาธิเบศร์ 22 ใกล้โรงแรมปาร์คอิน หมู่ 8 ต.บางกระสอ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุนทร ชื่นชิด พนักงานสอบสวน (สบ 3) พ.ต.ท.สมชาย ขำสัจจา สว.กก.สส.ภ.จ.นนทบุรี แพทย์เวรสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านยืนจับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ภายในป่าหญ้าลึกจากถนนเข้าไปประมาณ 20 เมตร พบร่องรอยมีการฝังกลบใหม่ๆ

เมื่อเจ้าหน้าที่คุ้ยดินออกก็พบศพทารกอายุ 5-6 เดือน ยังไม่สามารถระบุเพศได้ ถูกห่อด้วยผ้าถุงลายดอก มีหมวกไหมพรมสีเนื้อ และเสื้อผ้าเด็กอ่อน 1 ชุด ฝังอยู่รวมกัน โดยมีก้านธูปปักอยู่ ใกล้หลุมจำนวน 4 ดอก นอกจากนี้ยังพบธนบัตรฉบับละยี่สิบบาท 1 ฉบับ เหรียญ 10 บาท และเหรียญ 5 บาท รวม 35 บาท วางอยู่บนบริเวณใบหน้าศพ สายสะดือมีเส้นด้ายสีม่วงมัดผูกติดอยู่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน จึงนำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

สอบถามนางจินตนา ศรีเงิน แม่ค้าขายของอยู่ใกล้ ที่เกิดเหตุและเป็นผู้พบศพเป็นคนแรก

เปิด เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะเดินกลับจากขายของเข้าบ้านผ่านตู้โทรศัพท์ ได้ยินเสียงดังคล้ายคนเคาะกระจกตู้โทรศัพท์ เมื่อหันไปดูก็ไม่พบอะไร ระหว่างนั้นได้ยินเสียงเด็กตะโกนบอกว่า "พี่ พี่ ช่วยหนูด้วย หนูถูกฝังอยู่ตรงนี้" ตอนแรกคิดว่าหูแว่วไป หันไปมองตามเสียงก็ไม่พบว่ามีเด็ก ตอนนั้นรู้สึกกลัวจนขนหัวลุกซู่ เชื่อว่าถูกผีหลอกแน่แล้ว รีบวิ่งจ้ำอ้าวกลับบ้านแบบไม่เหลียวมองหลัง กระทั่งเช้าของวันนี้ขณะกำลังขายของมีนายสุวิทย์ หรือแห้ว วัชเดช อายุ 32 ปี เดินมาบอกว่าสงสัยจะมีศพเด็กถูกฝังอยู่ใต้ต้นไม้ด้านใน ด้วยความสงสัยชักชวนเพื่อนบ้านใกล้เคียงเข้าไปดู พบว่าที่ใต้ต้นไม้มีรอยฝังกลบใหม่ๆ มีก้านธูปปักอยู่ เมื่อใช้ไม้เขี่ยดินด้านบนออกก็พบศพเด็กทารกถูกฝังอยู่ จึงแจ้งให้ตำรวจทราบ

ใน ขณะที่นายสุวิทย์ หรือแห้ว วัชเดช เปิดเผยว่า เมื่อช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา ขณะกลับจากดูถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกผ่านที่เกิดเหตุ

ได้ ยินเสียงคล้ายคนเคาะกระจกตู้โทรศัพท์ เมื่อหันไปดูก็ไม่พบใคร ตอนแรกคิดว่าหูแว่วไปเอง จึงหันหลังจะเดินต่อ แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าได้ยินเสียงดังคล้ายคนเคาะกระจกตู้โทรศัพท์อีก ตอนแรกคิดว่าเพื่อนแอบหยอกล้อ จึงเดินเข้าไปสำรวจแต่ไม่พบว่ามีใคร ตอนนั้นรู้สึกขนหัวลุกซู่รีบหันหลังกลับที่พัก ปรากฏว่ายังไม่ทันก้าวเท้ามีเสียงเคาะตู้โทรศัพท์ ดังขึ้นมาอีก คราวนี้ไม่รอช้ารีบโกยอ้าวกลับที่พักแบบไม่คิดชีวิต เพราะเชื่อว่าโดนผีหลอกเข้าแล้ว

นายสุวิทย์กล่าวอีกว่า กระทั่งถึงช่วงเที่ยงของวันใหม่ เดินไปดูที่ตู้โทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าสำรวจไปในป่าหญ้า

สังเกตเห็นว่ามีร่องรอยของการฝังกลบอะไรบางอย่างใต้ต้นไม้ โดยมีก้านธูปปักอยู่ ระหว่างนั้นมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพโชยออกมาเป็นระยะๆ ตอนแรกคิดว่ามีชาวบ้านนำซากสุนัขหรือซากแมวไปฝังกลบ แต่เมื่อกลับถึงที่พักรู้สึกเอะใจกับสิ่งที่พบเห็นมา นำเรื่องไปเล่าให้นางจินตนาแม่ค้าทราบ เพราะเชื่อว่าน่าจะมีศพเด็กถูกฝังอยู่ เมื่อนางจินตนาเข้าไปดูก็พบว่ามีศพเด็กทารกถูกฝังอยู่จริงๆ ตนเชื่อว่าวิญญาณของเด็กทารกคงต้องการให้ตนรู้ว่าถูกฝังอยู่ตรงนั้น พูดแล้วขนลุก

เบื้องต้นตำรวจประมวลเหตุการณ์แล้วสันนิษฐานว่า แม่เด็กน่าจะเป็นคนงานต่างด้าวหรือหญิงขายบริการซึ่งพักอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ จึงไปให้หมอเถื่อนทำแท้ง จากนั้นนำศพทารกไปฝังเพื่อหนีความผิด ล่าสุดตำรวจเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีผัวเมียเป็นแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาหายตัว ไปจากที่พักละแวกใกล้ที่เกิดเหตุ ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวแล้ว.....